หนีร้อนมาเดินเล่นที่มาเลย์กันดีมั๊ยจ๊ะ :)

นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศที่สุดแสนจะน่าเบื่ออยู่ดีดี … เพื่อนที่สุดแสนจะรู้ใจ
ส่งโปรตั๋วเครื่องบินถูกมาให้ดู … ตาโตสิคับ ไปเที่ยวรอบๆบ้านเรา ตั๋วไปกลับแค่ 17xx เอง
ถูกกว่าบินภายในประเทศขาเดียวอีกนะเอ่อ !!
พอราคาตั๋วโปรมันยั่วยวนขนาดนี้แล้ว จะช้าอยู่ใย … ก็จัดแจงและจับจองกันเลยสิคับ
และเนื่องด้วยเราลาหยุดนานไม่ได้ ครั้นจะลาแต่ละทีก็ลำบากลำบน
เหมือนประหนึ่งว่าทำผิดบาปกันเลยทีเดียว
ด้วยเหตุผลนี้เลยทำให้เราเลือกไปได้ในประเทศใกล้ๆ ที่เที่ยวดูอะไรไปรอบๆได้เกือบครบ
ภายในสอง-สามวัน ข้อสรุปนี้จึงได้เป็นประเทศ … ประเทศ … ประเทศมาเลเชีย …

หลังจากได้ประเทศที่จะไปแล้ว ทริปนี้ดูเหมือนจะเป็นใจในเรื่องเวลาเดินทาง
เพราะมีไฟล์ทขาไปตอนเช้าวันศุกร์ 7.10 น. และไฟล์ทขากลับตอนเย็นวันอาทิตย์ 18.45 น.
เข้าทางเลย ไปเช้ากลับเย็นแบบนี้ชอบ เพราะทำให้เรามีเวลาเที่ยวเต็มวัน

(ขอขั้นเวลาแล้วเห่อหน่อยเถอะนะ … ขากลับได้นั่งเครื่อง AK ด้วยนะ คนอื่นอาจจะบอกบ้า
แต่เราตื่นเต้นอ่ะ 5555 ก็มันคือเครื่องสัญชาติมาเลย์ง่ะนานๆได้นั่งที
ส่วนขาไปนั่ง FD ได้นั่งกันบ่อยๆอยู่แล้วอ่ะเน๊อะ )

นั่งไป 2 ชม. เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ก่อนเครื่องลงจอด แอบมองไปนอกหน้าต่าง
แล้วต้องแอบตกใจ บ้านเค้ามีสวนปาล์มเย๊อะมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้ำมันบ้านเค้าถึงถูก
เพราะเค้ามีกระบวนการทดแทนรองรับที่ชัดเจนแบบนี้นี่เอง !!

ตัดกลับมาที่สนามบินบ้านเค้า ด้วยความที่เรามาแบบโลว์คอสเครื่องบินที่พาเรามาลง
ก็เลยพามาลงที่สนามบินโลว์คอสด้วยเช่นกัน
(อย่าได้หวังว่าจะเหมือนบ้านเรา ที่ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนๆในโลก ก็ได้ลงจอดที่สุวรรณภูมิ)

สนามบินแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม LCCT : Low Cost Carriage Terminal, Airport Kuala Lumpur
หรือคนไทยชอบเรียกติดปากว่า “โลตัสเทอร์มินัล” เพราะหน้าตาและหลังคาสีเขียวของมันนั่นแหล่ะ..
โลตัสไม่ผิดเพี้ยน

พอมาเข้ามาถึงไปจัดการตรวจหนังสือเดินทางเป็นปกติ แล้วก็มาต่อรถบัสเพื่อเข้าเมือง
(จาก LCCT ชานเมือง เข้าสู่หมอชิตของมาเลย์ที่เรียกว่า KL Sentral)

.. และเจ้าตั๋วรถบัสของเราเนี๊ย เราจองพ่วงไปตอนซื้อตั๋วเครื่องบินงัย
พอมาถึงตรงนี้ก็เดินขึ้นรถได้เลย
รถแดง .. หาง่ายยยย มีเขียนเขียนข้างรถว่า Sky bus นั่นแหล่ะ ใช่แน่ๆ
เป็นรถค่ายเดียวกับ Air Asia เค้าล่ะ สะดวกทีเดียว

… แต่

… ตอนเราซื้อตั๋วรถพ่วงมากับตั๋วเครื่องบินเนี๊ย ตั๋วรถมันราคา 13.8 RM. เลยนะเฟ้ย
แล้วทำไมที่สนามบินเขียนราคาไว้แค่ 9 RM. เองอ่ะ .. อ๊ากกกกกแอบเจ็บใจ … โดนหลอก

แทนที่ซื้อมาพร้อมตั๋วเครื่องบินจะถูกกว่า กลับแพงกว่าซะงั้น เซร็งเลย ..

ตัดมาบนรถเน๊อะ … พอขึ้นไปนั่งเสร็จสรรพ ก็มีพนักงานขึ้นมาตรวจตั๋ว
เราก็เอาใบที่ปริ้นท์มาส่งให้เค้าไปทั้งแผ่นเลย
เค้าก็ฉีกตั๋วใหม่มาให้เรา ได้มาหน้าตาแบบนี้ ..
พรถออกก็นั่งดูโน้นดูนี่ไปประมาณ 45 นาทีก็ถึงหมอชิต KL แล้วล่ะ

พอมาถึง KL Sentral เราก็เดินไปซื้อตั๋วรถ + กระเช้า เพื่อจะขึ้นไปเก็นติ่งต่อ
… และเมื่อไปถึงหน้าช่องขายตั๋วเท่านั้นหล่ะ ….

เจี๊ยกกกกก วันนี้ไม่มีกระเช้าให้บริการเนื่องจากปิดปรับปรุง ….

จริงๆก็ไม่รู้จะตกใจทำไมอ่ะนะ เพราะว่าในใบรายการที่มีอยู่ในมือ
มันก็บอกไว้หร๊าอยู่แล้วว่ามันปิดทั้งอาทิตย์ แต่ไม่ได้หยิบมาอ่านงัย
ไม่มีเวลา ได้แต่ปริ้นท์ๆๆออกมาแล้วมาอ่านเอากลางทาง

จากที่เตรียมจ่ายค่าตั๋วไปเก็นติ้งที่คนละ 9.30 ก็เลยเหลือคนละ 4.7 RM.
แล้วก็เดินไปขึ้นรถได้เลย เพราะเราไปถึงมันใกล้ถึงรอบที่รถจะมาพอดี
นั่งไปหลับไป รู้แต่ว่าเย็นขึ้นเรื่อยๆ แล้วสองข้างทางมีแต่ต้นไม้สีเขียว

(มาเลย์นี่ไม่มาไม่รู้จริงๆนะ บ้านเมืองเค้าต้นไม้เยอะกว่าที่เราคิดจริงๆ
เย๊อะแบบ…มองไปทางไหนก็เขียวเป็นปื้นนเลย ไม่ใช่แค่เรียกว่ามีต้นไม้
แต่มัน…เป็นต้นไม้จริงๆที่ดูแล้วไม่แปลกแยกกับสังคมของเค้า .. อันนี้ขอชื่นชมจริงๆ)

หลังจากที่นั่งรถหลับๆตื่นๆ ดูโน้นนี่บ้างเรื่อยเปื่อย ฝนก็ตกปรอยๆพรมต้อนรับเรามาตลอดทางเลย
เย็นสบายเหมือนอยู่นป่าดิบชื้นยังงัยยังงั้น

และ…แต๊แด๊ !! ถึงแล้วคร๊าบบบ โรงแรมที่มีห้องพักเยอะที่สุดในโลก
ด้วยความประมาท (ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง)
… จริงๆแล้วเราเล่งอีกโรงแรมนึ่งไว้ก่อนมานานแล้ว
แต่มัวทำโน้นทำนี่วุ่นวาย เลยลืมจอง ทีนี้พอจะกดจองอีกทีสองวันก่อนมา …
งานเข้าสิขอรับ ห้องเต็ม อดนอน …
ทำงัยหล่ะตานี้ ทางเลือกมีไม่มาก หันซ้ายหันขวา ดูหน้าอื่นๆในเน็ต
จำต้องเปลี่ยนเป็นโรงฯนี้แทน โรงแรมสามดาวที่เคยเห็นใครต่อใครรีวิวไว้ในห้องบูลฯ

พอมาถึงก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรดูโน้นดูนี่ไปตามประสา เพราะคิดว่า…
เราจองห้องแถมจ่ายเงินเต็มมาแล้วหนิ่ ไม่น่ายากอะไร
พอเดินเข้ามาเท่านั้นล่ะ .. ถึงกับต้องร้องเจี๊ยกกันเลยทีเดียว

นี่มันอะไรกันนี่ … คนเยอะได้โลห์จริงๆ
วิธีการเช็คอินห้องก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่ … เอ่อ เอ่อ.. !!
เห็นตรงเสาสี่เหลี่ยมที่เป็นเค้าเตอร์แล้วมีคนยืนต่อแถวกันอยู่มั๊ย …

นั่นคือด่านแรกนะ … มาถึงต้องเดินเข้าคิวไปตรวจเอกสาร
เค้าก็จะถามประมาณว่า.. จองมายังงัย จ่ายเงินรึยัง พักกี่ห้อง มีกี่คน
แล้วก็บอกว่าห้องเราจะได้โซนไหน เืทือกๆนี้ล่ะ
เสร็จแล้วเค้าก็จะให้บัตรคิวมาอีกที … หน้าตาแบบนี้

เลขที่ออก …. 4109
แล้วก็มานั่งรอเรียกอีกทีแบบนี้ !!!

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในห้องบูลฯ ของชาวเรา มักจะเรียกตรงนี้ว่าหมอชิต
คงเป็นเพราะมีคนมานั่งรอกันเยอะประหนึ่งนั่งรอรถทัวร์กลับต่างจังหวัดกันเลยทีเดียวมั๊ง -_-‘

พอได้การ์ดเข้าห้องเรียบร้อย ด้วยความที่ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยตั้งแต่ตอนเที่ยง
มา ณ บัดนี้ … หิวสิคับท่านผู้ชม รีบเก็บของ รีบเดินลงมาหาอะไรกินกันพลัน

(รีบจนลืมถ่าย การ์ดเข้าห้องมาให้ดูเลยทีเดียว
การ์ดเค้าทำดีเลยนะ เป็นบัตรแข็ง แถมเอากลับบ้านเป็นของที่ระลึกได้ด้วย
555 ไม่ไ่ด้จะแฮ๊บนะ เค้าให้จริงๆ … แต่จะว่าไปเค้าก็มีที่ให้คืนแหล่ะ
แบบว่าช่วยกันลดโลกร้อน เอาการ์ดมาคืนตรงนี้นะจ๊ะ ไรประมาณนี้ !!)

ในบริเวณด้านล่างของโรงแรม จะมีทางเชื่อมที่เต็มไปด้วยร้านค้าเรียงราย
ขายของกระจุ๊กกระจิ๊กวางขายกันเต็มไปหมด สามารถพบเห็นได้ตลอดทางแบบนี้ 🙂

และของเหล่านี้ … แน่นอนไม่ได้แอ่มเงินข้าพเจ้าหรอก มีแต่ของหลอกเด็ก

เดินๆๆมาถึง food court ก็ไม่รอช้า เจอร้านตามสั่งแบบมาเล้ มาเลเข้าไปก็จิ้มเลยสิคับ
ไม่ใช่อะไรยุ่งยาก เป็นคนง่ายๆ เอาข้าวผัดนี่แหล่ะ อิอิ
อร่อยมากขอบอก ไม่รู้ว่าอร่อยเพราะหิวจัดหรือว่ามันอร่อยจริงๆ ก็ไม่รู้ได้ 555

พอกินข้าวสร็จก็ไม่รอช้า เดินเที่ยวรอบๆดูโน้นนี่ไปเรื่อย ..
และ..อ๊ากกก เดินมาเจอทีเด็ดอีกอย่าง …

เป็นที่รู้กันว่าอุณหภูมิบนนี้มันเย็นมากใช่ป่ะจ๊ะ
พอหันไปเห็นมันหวานอบเท่านั้นหล่ะ แจ้นเข้าไปซื้อมาลิ้มลองเลยง่ะ

(เราชอบกินมันมากนะ และมีคำพูดบางคำทำให้เราจำได้ขึ้นใจมาจนป่านนี้ เพราะเคยมีเพื่อนสนิทคนนึ่งเคยบอกไว้
ประมาณว่า เค้าจะไม่กินเผือก กินมันเด็ดขาด คนเรามันไม่มีอะไรจะกินขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงต้องไปขุดมากินกันอ่ะ
ถึงตอนนี้ … อยากจะบอกเธอคนนั้นว่า … “มัน” มันอร่อยจริงๆนะตัวเธอว์ .. เกิดมาไม่ได้กินนี่ถึงกับเสียชาติเกิดเลยนะเอ่อ !!!)

และ…แน่นอน เราไม่เล่นเครื่องเล่นอ่ะ เท่าที่เห็นมีนิดเดียวและ … ดูจากสภาพแล้ว อย่าเล่นเลย !!!

เดินเล่นกันเถอะ 🙂

ตัดมาเช้าวันที่สองเลยเน๊อะ
ออกมายืนมองวิวเบาๆ ของหุบเขาเมื่อมองลงมาจากชั้น 17 หมอกกำลังสวยเลยเน๊อะ
อากาศเย็นสบายมากๆ ไม่อยากจะเข้าเมืองเลยจริงๆนะสบ๊ายยย … สบาย

เดินลงมาหาอะไรกินในห้องอาหารของโรงแรม
.. คุณจะพบความวุ่นวายที่ซ่อนอยู่ภายในห้องนี้ได้อย่างทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา
เพราะที่รู้ๆกัน จำนวนห้องพักไม่ใช่น้อยอ่ะนะ … คนก็เลยเยอะตามเป็นธรรมดา
ดีนะที่มีหลายโซนเลยกระจายความวุ่นวายกันไป

ที่นี่เค้ามีแบ่งโซนของกลุ่มคนที่รับประทานมังสวิรัตไว้ต่างหากด้วยนะ ดีทีเดียว … !!
ที่เห็นในภาพคุณพี่เซฟกำลังทำไข่กวนให้กินอยู่จร้า…

แล้วก็มีขนมปังชุบไข่ทอด ราดด้วยน้ำผึ้งหรือไซรัปกันไปตามเรื่อง

แล้วก็คุณพี่เซฟอีกคน ที่แอบดูคล้ายพี่คนที่ทำไข่กวน .. กำลังทำ Fried Noodle
หรือเรียกง่ายๆ ว่า … ผัดซีอิ๊วนี่เองงงงงงง … !!!!!)

แต่เอาจริงๆ หลังจากเดินวนไปมาอยู่นาน แล้วก็เลือกรับประทานเจ้าพวกนี้นี่่ล่ะ น่าจะโอเคสุด
และจริงๆ จานนี้ต้องเป็นสลัด … แต่เท่าที่แอบยกน้ำสลัดที่มีให้มาดมๆแล้ว กลิ่นไม่ค่อยน่าสนใจ
เลยรับประทานผักสดมันซะเลย อร่อยล้างปาก งั่มๆ อิอิ

พอเสร็จจากห้องอาหาร ก็ออกมาเดินเล่นด้านนอก ล่ะก็มองหาป้ายบอกเวลารถที่จะพาเราไปเที่ยวที่วัดจีน แบบนี้ ….

แต่เพราะเราอยู่ที่โรงแรม First World ใช่ป่ะ แต่รถรับส่งเค้าจะมีจอดที่โรงแรม High Land งัย
เลยต้องนั่งรถไปต่อรถ … ไม่ยากๆๆ สั้นๆ ชิลมาก เพราะอากาศดี

และหน้ารถที่จะพาเราไปจะติดป้ายแบบนี้ … ดูดีดีนะ
เพราะว่ามีรถบัสมาจอดรับส่งผู้โดยสารที่นี่เยอะมาก แ่ละคันก็หน้าตาเหมือนกันไปซะหมดด้วยสิ.. -_-‘

ภาพรวมของหน้ารถจะเป็นแบบนี้นะจ๊ะ …

จากโรงแรมไปวัด จริงๆถ้าเทียบระยะทางเวลานั่งรถ รู้สึกไม่ไกลเท่าไหร่นะ

เพราะว่านั่งมองวิวหมอกๆ สองข้างทางไปประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงแล้วนะเนี๊ย เร็วเน๊อะ

มองจากมุมนี้แอบเห็นยอดเจย์ดีวัดแล้วนะ.. 🙂

สวยดีเน๊อะ

Message us